แม่หมอเทวดา, หมอรักษาพระ, ภาวนารักษาโรคมะเร็ง, แกว่งแขนรักษาโรค, ยาอายุวัฒนะ
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558
น้ำหมักเพื่อสุขภาพ
น้ำหมักนะครับ ส่วนผสมตามที่ระบุไว้ในหน้ากระดาษ อายุน้ำหมัก 6 ปี ผู้ทำหรือเจ้าของสูตรเป็นครูที่เกษียณแล้ว อายุประมาณ 70 ปี ทำน้ำหมักและดื่มมา 4 ปีแล้ว แต่ก่อนเขาเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่นชอล์ค หลังจากดื่มน้ำหมักมาเรื่อยๆ ร่างกายก็แข็งแรงขึ้น เพื่อนๆ ยังทักว่าเหมือนคนอายุ 50 สามารถขับรถรับส่งลูกหลาน ทำงานบ้านเองทุกอย่าง
ท่านใดสนใจ อยากได้น้ำหมักไปกินเพื่อสุขภาพ ก็ติดต่อหาผมทางอีเมล์ครับ
metharung@gmail.com
เมธา.
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ยาเทวดา ยาอายุวัฒนะ หลวงปู่เรือง อาภัสสโร
ยาเทวดา ยาอายุวัฒนะ ตำหรับหลวงปู่เรือง ถ้ำพระอรหันต์ เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี
ให้เอาดอกจัน 1 บาท, พระวาน 1 บาท, กานพูล 1 บาท, สมุลแว้ง 1 บาท, มหาหิงคุ์ 1 บาท, ชะเอมเทศ 1 บาท, ลูกจันทร์ 1 บาท, พริกไทยร่อน 1 บาท, หัสคุณเทศ 1 บาท
ยาทั้ง 9 อย่างนี้ หนักเท่าๆกัน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้ง รับประทานก่อนเข้านอน ขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทาน 1 เดือน โรคภัยไข้เจ็บจะหายหมด กลับเป็นหนุ่มเป็นสาว
...
ประวัติส่วนหนึ่งของหลวงปู่เรือง อาภัสสโร :
หลวงปู่ก็ยังงงๆ อยู่ หันมามองห่อยาแล้วหันไปที่หญิงสาวอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว หลวงปู่จึงรู้ว่าเป็นรุกขเทวดาเอายามาให้ท่านแน่ จึงนำยาไปต้มฉันตามที่รุกขเทวดาแนะนำ ฉันยาได้สองวัน โรคไข้ป่าก็หาย จนทุกวันนี้หลวงปู่ไม่ป่วยหนักอีกเลย เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว เรื่องของรุกขเทวดามาปรากฏนี้ เป็นเรื่องปัจจัตตังคือพบเองเห็นเอง จะเข้าใจเอง
คาถาของ หลวงปู่เรือง ถ้ำพระอรหันต์ เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี
ปุพพะ นิมิตตัง ทัฬหังนิมิต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ มะอะอุ พุทธัง แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท แคล้วคลาด ด้วยพระพุทธัง ธัมมัง แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท แคล้วคลาด ด้วยพระธัมมัง สังฆัง แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท แคล้วคลาด ด้วยพระสังฆัง
วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558
บ้านอโรคยา
ผมได้ไปกราบครูบาอาจารย์ พระอาจารย์เล่าว่าพระเลขาเป็นโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี และไปรักษาที่บ้านอโรคยา ปัจจุบันพระเลขาหายจากโรคไวัสตับอักเสบชนิดบี ประมาณ 80%
ผมได้โทรเข้าไปคุยกับคุณหมอประเวช ท่านบอกว่าตัวท่านเองเคยเป็นโรคมะเร็งปอด เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2546 และได้รักษาตัวเอง ทำให้มีชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน และท่านได้ช่วยคนที่เป็นโรคต่างๆ มามากมายหลายท่าน
สำหรับท่านที่มีโรคภัยไข้เจ็บ ก็ลองไปหาหมอประเวชดูนะครับ เบอร์โทรหมอประเวช 089-1106749
วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556
หนทางการรักษาโรคมะเร็ง
โรคมะเร็งจัดเป็นโรคกรรม โรคเวร สาเหตุของโรคมะเร็งมีหลายอย่าง เช่น การโกงคนอื่นหรือการโกงงบประมาณแผ่นดิน, โรคมะเ็ร็งที่เกิดจากพันธุกรรม (กรรมที่พ่อแม่ทำไว้ สามารถตกทอดถึงลุกหลานได้ ดั่งกรรมะพันธุ), การบริโภคอาหารที่เป็นบ่อเกิดของมะเร็ง ฯลฯ
หนทางการรักษาโรคมะเร็ง มีหลายวิธี เช่น
1.การไปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี มีผู้คนที่เป็นโรคมะเร็ง จำนวนหลายท่านที่ไปปฏิบัติธรรม ที่วัดอัมพวัน แล้วหายจากโรคมะเร็ง รายละเอียดไปอ่านได้ในหนังสือกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ (สามารถดาวส์โหลดไปอ่านได้เลย) คลิกที่ลิ้งค์นี้ :
2.ไปรักษากับอ.นงนุช รักษาโรคด้วยญาณหลวงปู่เทพโลกอุดร รายละเอียดคลิกอ่านได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ : http://powerful-health.blogspot.com/2013/10/blog-post.html
3.ไปรักษากับแม่หมอเทวดา ท่านจะบอกว่า (ท่านจะดูด้วยญาณของท่านเอง) ท่านที่เข้ามาขอรับการรักษา เป็นโรคอะไร มีสาเหตุมาจากอะไร รายละเอียดเพิ่มเติมไปอ่านได้ที่ลิ้งค์นี้ : http://powerful-health.blogspot.com/2013/04/blog-post_21.html
4.การขอเมตตาจากครูบาอาจารย์ อาทิเช่น การไปขอเมตตาบารมีกับหลวงพ่อดำ อายธัมโม รายละเอียดเพิ่มเติมมีอยู่ในหนังสือ "อ่านกรรม (เปิดทางบุญ แก้กรรม ทำให้รวย หากโลกนี้ขอพรได้จริง คงไม่มีใครจน)"
5.การขอความช่วยเหลือจาก คุณหวังช่วย ไม่หวังดัง เบอร์โทร 089-1289304 เข้าดู Facebook : อ.หวังช่วย รักษามะเร็ง
6.การขอความเมตตากับหลวงพ่อจีราวัฒน์ วัดถ้ำรูปลับแลนคร ติดต่อหลวงพ่อได้ที่เบอร์ 081-1979177
7.การรักษาโรคมะเร็ง ตำหรับของหลวงพ่อจรัญ คือ นำลูกใต้ใบทั้ง 5 กับต้นไมยราบทั้ง 5 มาต้มกินต่างน้ำ (ทั้ง 5 หมายถึง ราก, ต้น, ใบ, ดอก, และผล)
8. หมั่นสวดพระคาถา "อุณหิสสะวิชะยะคาถา" มีพุทธานุภาพมากในด้านของการมีอายุยืนและยังทำให้สุขภาพแข็งแรง (มีอยู่ในคู่มือเปลี่ยนดวง แก้ไขกรรมด้วยตนเอง) อยู่ที่หน้า 90, ดาวส์โหลด คู่มือเปลี่ยนดวง แก้ไขกรรมด้วยตนเอง
9.หมั่นสวดพระคาถาโอสถปริตร (พระคาถาสักกัตวา) : http://powerful-health.blogspot.com/2013/05/blog-post_27.html
10.ทานยาน้ำพลูคาวหรือคาวตอง ส่วนหญ้าปักกิ่งไม่แนะนำ เพราะไม่ค่อยเห็นผล
11.ควรรับประทานอาหารที่ไม่มีน้ำตาลหรือไม่หวาน เพราะมะเร็งชอบของหวาน
12.ควรทานผักหรือผลไม้ให้มาก เช่น แอปเปิ้ล แอพริคอท บาร์เล่ย์ ผลไม้รสเปรี้ยว (หรือรับประทานน้ำผักหรือน้ำผลไม้) แครอท มะเขือเทศ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง เป็นต้น
13.ไม่เครียด เพราะเวลาเครียดแล้วมะร็งจะแบ่งตัวเพิ่มขี้นง่าย
14. ส่วนการผ่าตัดหรือการทำคีโม ต้องพิจารณาด้วยตนเอง ควรไปสืบค้นข้อมูลเอง ว่าการผ่าตัดหรือทำคีโม กับการรักษาแบบชีวะจิตหรือยาแผนโบราณ แบบไหนที่ดีกว่า
** 15.อีกหนทางหนึ่งของคนป่วยเป็นโรคมะเร็ง ที่มีความหวังเหลือไม่มาก
"เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา มีญาติของผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้ายมาอัญเชิญไปอวยพรให้คนป่วยถึงห้องพิเศษที่โรงพยาบาลสีคิ้ว องค์ญาณก็ไป แล้วบอกให้ญาตินำบายศรีไปถวายที่ตำหนัก เขาก็ทำตาม เดี๋ยวนี้คนป่วยลุกเดินเหินได้ กินข้าวกินน้ำได้ อาการเจ็บปวดก็ทุเลาเบาบางลงมาก แพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านแล้ว พวกเขาจะพากันมากราบองค์พ่ออีกในไม่กี่วันนี้
อีกรายหนึ่งเป็นโรคหัวใจโต เมื่อ 3 เดือนก่อนก็เข้าหองไอซียู ทางญาติไปขอพรจากพระองค์ท่าน ท่านก็ต่ออายุให้ จนสบายดี ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน แต่ท่านว่าเมื่อถึงวันไหว้ครูใหญ่ ( ๑๕ มีนาคม) ให้ไปหาท่านที่ตำหนัก คนป่วยไม่ไป องค์พ่อจิตรา (ท้าวยมราช) ลงมาบอกว่า “กูนั่งรอมันใต้ต้นขนุน มันก็ไม่ยอมมาหาดุจที่มันรับปาก “ ท่านก็ไม่พอใจ เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา คน ๆ นี้ก็ล้มป่วยลงอีก และหนักกว่าเดิม ทั้งโรคหัวใจโต ม้ามโต ตับโต แพทย์นำเข้าห้องผ่าตัด ลงมีดลึกไปนิดเดียวไปกรีดเอาตับเข้า เพราะตับก็โตขึ้นเช่นเดียวกัน ปรากฏเลือดไหลทะลักไม่หยุด พวกญาติพี่น้องระดมกันมาให้เลือดเพิ่ม ให้เลือดเข้าไปก็ไหลออกจากปากและจมูก ดูท่าจะจบชีวิตเสียในคืนนั้น พี่สาวซึ่งสนิทกับองค์ญาณจึงไปที่ตำหนัก ขอพรองค์พ่อ ๑๖ และองค์พ่อจิตรา องค์พ่อจิตราลงประทับร่างองค์ญาณ บอกว่ามันตระบัดสัตย์ มึงจะให้กูช่วยมันหรือ พี่สาวคนป่วยก็อ้อนวอนขอความเมตตาจากท่าน ท่านว่า กูเห็นแก่มึงที่ดีกับกูมาตลอด รับใช้กูด้วยความซื่อสัตย์ กูจะให้โอกาสอีกสักครั้ง มึงจะไม่ให้มันตายใช่มั้ย พี่สาวคนป่วยก็รับตามท่านถาม ท่านว่า กูจะให้มันอยู่ต่อไปอีก
เชื่อมั้ยครับ ถึงวันนี้น่ากลัวผ่านมาประมาณ 5 อาทิตย์แล้ว คนป่วยคนนี้ยังไม่ตาย แต่นอนทนทรมานอยู่ในโรงพยาบาล ทั้งหมอและนางพยาบาลต่างแปลกใจไปตาม ๆ กันว่าสภาพแบบนี้ทำไมจึงมีชีวิตอยู่ได้
ความจริงเรื่องนี้ยืดยาวมาก มีอดีตเป็นมาที่เกี่ยวพันกับองค์ญาณและองค์พ่อเหล็กไหล ไม่สามารถนำมาขีดเขียนได้ ขอเล่าเพียงให้ทราบว่า ท่านจะให้ใครตายก็ได้ จะให้ใครอยู่ก็ได้ จะทำให้หายป่วยก็ได้ ทำให้ทุกข์ทรมานสมใจท่านก็ทำได้ บางเรื่องที่เกี่ยวพันกับองค์พ่อเหล็กไหล แม้องค์พ่อ ๑๖ ต้องการช่วยเหลือให้หายป่วยก็ไม่สามารถขัดความต้องการขององค์พ่อเหล็กไหล หรือพยายมราชได้ องค์พ่อ ๑๖ (ท้าวเวสวัณ)ถึงกับตรัสว่า “ท้าวกุเวรนั้นเป็นเทพที่ทรงอิทธิฤทธิ์มาก บางเรื่องพ่อก็ไม่ก้าวก่ายเรื่องของท่าน”
ป้ายกำกับ:
ญาณ,
ปฏิบัติธรรม,
มะเร็ง,
รักษา,
โรคมะเร็ง,
หมอ,
หลวงปู่เทพโลกอุดร
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556
อ.นงนุช รักษาทุกโรคด้วยพลังจิต
หลวงปู่เทพโลกอุดร รักษาทุกโรคด้วยพลังสมาธิจิต
อ.นงนุช สุระเสน
Tel. 089-693-3351 E-mail : pu_002@hotmail.com
ผมมีข่าวดีที่จะเล่าให้ฟัง
วันหนึ่งผมมีโอกาสไปทำบุญที่วัดปฏิบัติธรรม (สายป่าแห่งหนึ่ง) ได้พบเห็นการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคต่าง ๆ ด้วยพลังสมาธิจิต ผมจึงสนใจว่าเป็นใครมาจากไหนจึงเฝ้าดูอยู่หลายวัน และได้ความว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านได้ให้ญาณบารมีในการช่วยเหลือคน โดยการรักษาโรคทุกโรคให้มวลมนุษย์ อาจารย์นงนุช สุระเสน ปัจจุบันรับราชการเป็นผู้บริหารด้านการศึกษา ในจังหวัดนนทบุรี การศึกษาท่านระดับปริญญาเอก ใ้หช่วยเหลือมวลมนุษย์และสัตว์โลกด้วยพลังสมาธิจิต ผมจึงถ่ายภาพและสัมภาษณ์ผู้ที่ไปรับการรักษามาดังนี้
1. ลุงวิเชียรเป็นผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่หลอดคอและลามลงมาที่ปอดซึ่งได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกำแพงแสนเป็นเวลาหลายปี จนกระทั้งทางโรงพยาบาลให้ลุงวิเชียรกลับบ้านซึ่งตอนนั้นอาการหนักมาก ญาติมีความประสงค์จะให้มาเสียชีวิตทีบ้านพักและทุกคนต่างทำใจคงเป็นวาระสุดท้ายของลุงวิเชียร แต่เป็นโชคดีของลุงวิเชียรซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้กับวัดแห่งนั้น จึงไปรักษากับหลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่ฯ รักษาลุงวิเชียรประมาณ 15 วัน อาการดีขึ้นตามลำดับ และอีก 1 เดือนต่อมา ลุงวิเชียรได้ไปโรงพยาบาลและหมอได้ตรวจเชื้อมะเร็ง ปรากฏว่าไม่พบเชื้อมะเร็งอยู่ในร่างกายของลุงวิเชียร
2. คุณโสภา ลอยหา รับราชการอยู่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ป่วยเป็นโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลประทานมาหลายปีจนกระทั้งแพทย์ที่รับการรักษาแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าเนื่องจากเกิดสภาวะคอพอกเพิ่มขึ้นและเริ่มมีอาการตาโปน ต่อมเริ่มทำงานแปรปรวน เริ่มมีอาการทางจิตเกิดความเครียดและวิตกกังวลบางครั้งเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่โชคดีได้มีโอกาสให้หลวงปู่เทพโลกอุดรได้รับการรักษา หลวงปู่ฯรักษาอยู่ประมาณ 15 วัน และอีก 1 เดือนต่อมาได้ไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจ ผลการตรวจปรากฏว่าสภาวะของเลือดอยู่ในระดับปกติ อาการคอพอก ตาโปน เข้าสู่สภาวะเดิม และคุณโสภา ฝากบอกอีกว่า หลวงปู่ัยังให้สมุนไพรอันวิเศษรักษาสิวฝ้าและไม่ให้ผมงอก ซึ่งได้ผลอย่างดีเยี่ยมไว้อีกด้วย
3. แม่ชีดา บวชอยู่ที่วัดไร่แตงทอง(หลวงปู่หลิว) เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แขนและขาด้านซ้ายไม่มีแรงและได้มาให้หลวงปู่รักษาประมาณ 1 เดือน แขนและขาเริ่มมีแรง และเริ่มใช้งานได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็น ของแขนขาด้านปกติ
4. เด็กหญิงแอนพิการซ้ำซ้อน พูดไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียง จะอยู่ไม่ินิ่งอยู่ตลอดเวลา ทำร้ายพ่อแม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ได้มีโอกาสให้หลวงปู่รักษาประมาณ 1 สัปดาห์ มีอาการสงบลงกว่าเดิมประมาณ 50 เปอร์เซ็น สามารถเปล่งเสียงได้ชัดเจนขึ้น
5. ร.ต.ต. อำนาจ ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต แพทย์นัดอีก 2 เดือนผ่าัตัด และได้ให้หลวงปู่รักษาประมาณ 1 เดือน แล้วไปให้แพทยคนเดิมตรวจ ผลปรากฏว่า ต่อมลูกหมาก มีอาการปกติ ไม่ต้องผ่าตัด
6. นายศิลป์ สูบบุรี่วันละ 2 ซอง เป็นเวลาหลายสิบปี เจ้าตัวต้องการเลิกสูบบุหรี่ ได้มาหาหลวงปู่ใ้ห้ช่วยรักษา หลวงปู่ได้รักษาอยู่ 3 สัปดาห์ นายศิลป์เลิกบุหรี่ได้โดยเด็ดขาด
7. อ.สังวาลย์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแ่ห่งหนึ่งใน จังหวัดลพบุรี ติดสุรา จะต้องดื่มทุกวัน วันละ 1 กลม มาเป็นเวลา หลายสิบปี ได้ให้หลวงปู่รักษา อยู่ประมาณ 1 เดือน และสามารเลิกดื่มสุราได้โดยเด็ดขาด
และ อ.นงนุชบอกว่า หลวงปู่ให้ช่วยคนที่ติดสิ่งเสพติดทุกประเภท โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ต้องช่วยเหลือเป็นอันดับแรก ผู้ปกครองท่านใด ที่มีบุตรหลานติดสารเสพติด ติดเกมส์ ใ้หรีบพามารักษา
8.นางสมพงษ์ สอนสันต์ เป็นคนจังหวัดสุรินทร์
ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ค่าน้ำตาลอยู่ในระดับ 500 กว่า ตาเริ่มมองไม่เห็น นิ้วเท้าเน่าเปื่อย โรงพยาบาลที่รักษาอยุ่บอกว่าหากไม่ดีขึ้นจะต้องตัดทิ้ง ได้มารับการรักษา 5 ครั้ง อาการทางสายตาปกติ นิ้วเท้าที่เน่าเปื่อยหายปกติ ค่าน้ำตาลลดเหลือ 150 -200 เศษๆ แต่สิ่งที่ต้องปฏิบัติคือ ในการรักษาทางจิต โดยการสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน ในการรักษาทางกาย โดยเลือกรับประทานอาหารที่เน้นผัก/ผลไม้ ลดอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ และออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย
รวบรวมข้อมูลและถ่า่ยภาพโดย รศ.ดร.วิทยา ตรีโลเกศ นักวิจัย
9. คุณธนวัต นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ปีที่ 2 มีอาการปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
ผิวหน้าหยาบกระด้างคล้ายกระดาษทรายเบอร์ 0 รักษาแพทย์แผนปัจจุบัน จากโรงพยาบาลชื่อดัง 3 ปีเศษ อาการดังกล่าวยังไม่หาย จนกระทั้งมีโอกาสได้มาพบหลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านเมตตารักษาให้ โดยบริกรรมน้ำมันมะพร้าวแล้วทาไปบนใบหน้าพร้อมกับเป่าทั่วบนใบหน้า 3 ครั้ง อาการปวดแสบปวดร้อนหายไปและผิวหน้าที่หยาบกระด้างกลับคืนสู่สภาพผิวปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป
10. ดร.ขัตติยา ด้วงสำราญ เป็นผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนนทบุรี และเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังว่า ปกติท่านจะเป็นคนผิวแห้งมาก ๆ โดยเฉพาะใบหน้าจะดำกร้าน มีรอยเหี่ยวย่นมาก ถึงแม้จะใช้ครีมบำรุงยีห้อดัง ๆ ราคาแพง ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต่อมาได้พบกับ ดร.นงนุช โดยบังเอิญ ซึ่งจะต้องประชุมร่วมกัน (ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน) ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.นงนุช ท่านเห็นใบหน้าดำกร้าน ท่านจึงให้น้ำสมุนไพรมา แต่ลืมถามว่าให้ไปทำอะไร เลยเอาไปล้างหน้าและอาบโดยผสมในอ่างน้ำ (กลิ่นหอม มาก ๆ ค่ะ) 1 เดือนผ่านไป ผิวที่เคยดำกร้านและเหี่ยวย่นกลับสู่ความเรียบเนียนและชุ่มชื่นอย่างอัศจรรย์
หากท่านสนใจ ลองปรึกษาท่านอาจารย์นงนุช สุระเสน ได้ที่เบอร์ 089-693-3351
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ภาวนารักษาโรคมะเร็ง
เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔ ข้าพเจ้ารับราชการเป็นอนุศาสนาจารย์กองทัพภาคที่ ๒ ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ได้ป่วยเป็นโรคทางเดินปัสสาวะ จึงไปรับการรักษาตัวที่ รพ.ค่ายสุรนารี หมอรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าก้อนเนื้อแข็งเป็นไตแข็งอยู่ใต้ใบหูด้านขวา เมื่อเห็นว่าอาการโรคทางเดินปัสสาวะทุเลาลงแล้ว จึงได้ขอร้องให้หมอช่วยทำการผ่าตัดออกให้ โดยที่ตัวเองและหมอก็ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร
พันโท นายแพทย์ วณิช จึงได้ทำการผ่าตัดและได้จัดส่งก้อนเนื้อนั้นไปโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ทำการตรวจอีกครั้งว่าเป็นโรคอะไร ครั้นต่อมาทาง รพ.พระมงกุฎฯ ได้แจ้งไปว่า ก้อนเนื้อนั้นมีเชื้อมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ข้าพเจ้าจึงถูกส่งตัวมารักษาโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ด่วน เพื่อรับการรักษาต่อ ทางโรงพยาบาลได้รีบทำการผ่าตัดด่วนที่สุดบริเวณใต้ใบหูอีกครั้งหนึ่ง ได้อยู่ รพ.พระมงกุฎฯ ๒ เดือน ก็ได้ออกจากโรงพยาบาล โดยได้รับการฉายแสง ๑๐ ครั้ง
อยู่ต่อมาอีก ๒ ปี คือในปี พ.ศ.๒๕๒๖ ข้าพเจ้าย้ายมารับราชการที่กองทัพภาคที่ ๑ ใบหูด้านขวาของข้าพเจ้าก็เปื่อยมีเลือดและน้ำเหลืองไหลออกมา และมีอาการคันอย่างยิ่ง แสดงว่าโรคมะเร็งได้กำเริบขึ้นมาอีก ผ่าตัดถึง ๒ ครั้งแล้วก็ยังไม่หาย หมอที่กองทัพภาคที่ ๑ ได้แนะนำให้เข้ารพ. ด่วนที่สุด อาจารย์สมใจ กอรป-สิริพัฒน์ บุตรสาวของข้าพเจ้า ได้พาไปยังโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เพื่อทำการรักษา เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นว่าที่ใต้ใบหูของข้าพเจ้านั้น ไม่มีส่วนใดที่จะให้ผ่าตัดอีกแล้ว ถ้าผ่าอีกทีก็ต้องตัดใบหูทิ้ง ถ้ามันจะหายเพราะการผ่าตัด มันคงจะหายไปแล้ว หากเข้าไปโรงพยาบาลอีก ก็จะมีแต่ตายกับตายลูกเดียว เพราะมะเร็งไม่เคยไว้ชีวิตใคร
ข้าพเจ้าคิดว่า ไหนๆ จะตาย ก็ไปตายที่วัดดีกว่า ขณะนั้นทางกองอนุศาสนาจารย์ กำลังจัดส่งอนุศาสนาจารย์ระดับยศ พันโทลงไป ให้ไปฝึกกรรมฐานรุ่นแรกกับพระครูภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อจรัญ) วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ข้าพเจ้าไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ที่จะต้องไปฝึกกรรมฐาน แต่ก็ได้ตกลงใจสมัครไปฝึกกรรมฐานร่วมกับคณะด้วย เพื่อรักษาโรคมะเร็งที่กำลังคุกคามอยู่
เมื่อไปถึงวัดอัมพวัน หลวงพ่อเห็นว่าข้าพเจ้าป่วยเป็นโรคมะเร็ง จึงจัดกุฏิที่พักให้เป็นพิเศษ ไม่ต้องพักรวมกับหมู่คณะ อยู่คนเดียว เป็นกุฏิหลังเล็กๆ ด้านท้ายวัด และได้เริ่มทำการฝึกกรรมฐานในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๒๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. กิจเบื้องต้นในการฝึกกรรมฐาน คือ
๑. สมาทานศีล ๘ ร่วมกับคณะอนุศาสนาจารย์ที่ร่วมกันฝึก
๒. ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เห็นธรรมที่ควรรู้ควรเห็นตามสมควรแก่การปฏิบัติ
๓. ตั้งจิตอธิษฐานถือมังสวิรัติ (กินเจ) ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งทางวัดรับทำอาหารเจให้ สำหรับผู้ต้องการทานอาหารเจ
เนื่องจากตนมีโรคร้ายเบียดเบียน คือ โรคมะเร็ง ขณะเข้าปฏิบัติกรรมฐานมีแผลที่บริเวณหูด้านขวา มีน้ำเหลืองน้ำหนองและเลือดที่ช้ำเลือดช้ำหนองไหลออกตลอดเวลา บางครั้งเอาแก้วมารองรับเลือดที่ไหลออกมา ซึ่งหยดติ๋งๆ เลือดไหลออกมาจนเต็มแก้ว มีอาการปวดแผลมาก จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานด้วยบุญบารมีที่ได้ทำมาในอดีตและกุศลกรรม คือการภาวนาที่จะได้บำเพ็ญต่อไปนี้ จงดลบันดาลขอให้ตัวเองหายจากโรคภัยไข้เจ็บที่กำลังเป็นอยู่ด้วย
ข้าพเจ้าและคณะได้ทำการฝึกกรรมฐานตามตารางที่ท่านกำหนดให้ เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๔.๓๐ น. จนกระทั่งเวลา ๒๔.๐๐ น. ทุกๆ วัน มีการเดินจงกรม สวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งสมาธิ ฟังธรรม ฟังการบรรยายธรรมจากหลวง-พ่อสลับกันไป ตลอด ๑ วัน ๑ คืน
ผลที่ปรากฏทางร่างกายในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๒๖ ข้าพเจ้ารู้สึกเบาเนื้อเบาตัว อาการปวดตามข้อตามร่างกายหายไป รู้สึกมีอาการปวดหน่วงๆ ที่ขาเหนือหัวเข่าด้านซ้าย จึงเปิดผ้ากางเกงที่คลุมอยู่ดู รู้สึกตกใจมาก เพราะมีเลือดสีดำไหลไปรวมกันอยู่บริเวณขาเหนือข้อพับหัวเข่า มีบริเวณที่เป็นเลือดสีดำคั่งอยู่ประมาณเท่าฝ่ามือ เป็นโลหิตสีดำอย่างดินหม้อน่าเกลียดมาก จากการปวดหนักหน่วงตามขาด้านซ้ายบริเวณที่เลือดคั่งอยู่ จึงได้มากราบเรียนให้หลวงพ่อทราบและเปิดขาให้หลวงพ่อดู รวมทั้งเพื่อนอนุศาสนาจารย์ก็ได้ดูด้วย หลวงพ่อท่านดูแล้วก็บอกว่า “โรคผุด” โรคจะหาย คือ โรคที่อยู่ในร่างกายเรานี้ มันไหลไปรวมกันอยู่ในที่เดียว คือ ในที่เราเห็นนั้น ต่อไปอาการที่ดำนี้ก็จะหายไปเอง แต่ต้องทาน้ำมันกินยาช่วย หลวงพ่อก็ไปจัดน้ำมันมนต์และจัดยามาให้ทาน
หลังจากทานยาเม็ดที่หลวงพ่อให้แล้ว มีอาการมีก้อนเนื้อเล็กๆ ผุดขึ้นตามร่างกายทั่วไป มีอาการคันมาก เมื่อก้อนเนื้อผุดขึ้นมาเป็นผื่นแล้วก็แตก มีน้ำเหลืองไหลออกเล็กน้อย แล้วก็แห้งหายไปและหายคัน อาการเป็นอยู่เช่นนี้จนถึงวันเสร็จสิ้นการฝึกกรรมฐาน อาการที่ว่านี้จึงทุเลา และอาการปวดแผลนั้นก็ทุเลาหายไป สำหรับบริเวณที่เหลือไปคั่งอยู่เหนือหัวเข่านั้น ต่อมาก็มีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาตามเส้นที่ใต้ข้อพับหัวเข่า โดยที่ไม่มีแผล แต่ก็มีน้ำเหลืองไหลออกมามาก จนขากางเกงเปียกเพราะน้ำเหลืองไหลออกมามาก ไหลอยู่หลายวันก็หายไปเอง แผลที่หูก็พลอยแห้งหายไปด้วย และก็หายมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นับว่าข้าพเจ้ารอดตายจากโรคมะเร็งได้อย่างประหลาดมหัศจรรย์ เพราะบารมีหลวงพ่อชุบชีวิตให้ใหม่
ผลที่ปรากฏทางจิตใจ การฝึกจิตวันที่ ๑๒ – ๑๓ กันยายน ๒๕๒๖ มีทุกขเวทนามาก อารมณ์ส่ายมาก นอกจากนั้นจิตยังติดการภาวนาแบบ “พุทโธ” ที่ตนเคยปฏิบัติอยู่ประจำ
ในวันที่ ๑๔ – ๑๕ กันยายน ๒๕๒๖ เดินจงกรมดีขึ้น การนั่งสมาธิคล้ายคนเอาเข็มมาแทงตัวจนสะดุ้งและมีอาการคล้ายมดไต่ไปตามตัว จนต้องเอามือจับออก แต่ก็ไม่มีอะไร
ในวันที่ ๑๖ – ๑๗ กันยายน ๒๕๒๖ ทุกขเวทนาน้อยลง จิตดิ่งเข้าสู่ความสงบดี มีอาการวูบลงเหมือนตกเหว มองเห็นตัวเอง เห็นทองตัวเองพองขึ้นยุบลง เวลาจิตเคลื่อนออกจากสมาธิออกตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ตรงเวลาทุกครั้ง และอาการที่จิตถอนออกจากสมาธินั้น เหมือนสิ่งที่จมน้ำอยู่แล้วลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อดูเวลาแล้วก็ปรากฏว่าตรงกับเวลาที่ตนตั้งใจไว้ว่าจะออกก่อนนั่งสมาธิ
วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๒๖ เป็นวันที่ครบกำหนดการฝึกกรรมฐาน และจะออกการฝึกกรรมฐาน วันนั้นเวลา ๐๕.๓๐ น.ข้าพเจ้าได้ไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศล ณ กุฏิที่พัก ให้แก่บิดา มารดา บุตร ภริยา ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ และผู้ที่รู้จักคุ้นเคยเคารพนับถือที่ล่วงลับไปแล้ว โดยระบุชื่อทุกคนที่แผ่ส่วนกุศลให้ เมื่อแผ่ส่วนกุศลระบุชื่อ “พระธรรมนิเทศทวยหาญ” หัวหน้าอนุศาสนาจารย์คนแรก ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับตนเอง คือ
ตัวเองรู้สึกมีอาการขนลุก ขนพอง ตื้นตันใจ น้ำตาไหลพราก สะอื้นขึ้นเองเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกับร้องไห้ โดยมีอาการเป็นไปเอง ตัวเองบังคับตัวเองไม่ได้ แล้วตนเองก็เปล่งวาจาขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า “ทุกข์ทรมานมานานแล้ว พึ่งจะหมดทุกข์หมดเวรวันนี้ ขอขอบใจที่แผ่ส่วนกุศลให้” แล้วตนเองก็ฟุบหมอบลงไปที่หมอน หมอบอยู่นานจึงมีอาการเข้าสู่ภาวะปกติ และแล้วก็ได้ลุกขึ้นแผ่ส่วนกุศลให้บุคคลอื่นต่อไป
เรื่องนี้ ได้เล่าอาการที่ปรากฏให้หลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณทราบ ท่านบอกว่า ที่เราแผ่ส่วนกุศลไปนั้น แสดงว่าคนที่เราแผ่ส่วนกุศลไปให้เขาได้รับส่วนบุญ และตัวเราเองก็จะหมดเวรหมดกรรมหมดทุกข์ร้อนเสียที และในวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๒๖ เป็นวันที่เราออกจากรรมฐาน สมาทานศีล๕ ทำบุญร่วมกัน ถวายผ้าป่า และได้กราบลาหลวงพ่อกลับต้นสังกัด
สำหรับข้าพเจ้านั้น ก็รอดตายมาเพราะการภาวนาที่วัดอัมพวัน โดยหลวงพ่อเป็นผู้ฝึกกรรมฐานให้เมื่อกลับจากการฝึกกรรมฐาน ตนเองสามารถมาทำงานที่กองทัพภาคที่ ๑ ได้ตามปกติ ไม่ต้องมีต้องมีการลางานและเข้าโรงพยาบาลกันอีก หูที่เป็นแผลเน่าเปื่อยก็หายไป ใครที่เห็นหูข้าพเจ้าเปื่อยและหายได้ ต่างก็อัศจรรย์กันทุกคน เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๓๓ นี้ ข้าพเจ้าไปงานสมโภช ปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ ของพระราชสีมา-ภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ณ วัดพรหมราช อ.ปักธงชัย พระศรีธรรมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ได้มาขอจับดูหูของข้าพเจ้าว่าหูของข้าพเจ้าหายจริงๆ หรือ
คนที่เป็นมะเร็งในระยะแรกนั้น อาจจะรักษาโดยวิธีผ่าตัดได้ แต่สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งมากแล้วนั้น ยากที่จะรักษาให้หายขาดได้ มีแต่ตายกับตายลูกเดียว คุณไพเราะ ทสยันไชย ภริยาของข้าพเจ้า เป็นมะเร็งทีหลังข้าพเจ้า ก็ตายเพราะโรคมะเร็ง หลังจากที่รู้ว่าเป็นมะเร็งเพียง ๒ เดือน พันโท วณิชฯ ซึ่งเป็นแพทย์ผ่าตัดของข้าพเจ้าที่ รพ.ค่ายสุรนารีนั้น ก็ตายเพราะโรคมะเร็ง สำหรับข้าพเจ้าที่รอดตายมาได้จนถึงขณะนี้ เพราะบารมีของหลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณโดยแท้ มีชีวิตเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ เพราะตั้งแต่ข้าพเจ้าไปภาวนารักษาโรคมะเร็งที่วัดอัมพวัน ข้าพเจ้าก็ถือมังสวิรัติไม่กินเนื้อสัตว์มาตั้งแต่บัดนั้น ชีวิตเลือดเนื้อของข้าพเจ้าในขณะนี้ จึงเป็นชีวิตใหม่ เลือดเนื้อใหม่ ไม่ใช่เลือดเนื้อที่ปนด้วยเนื้อสัตว์
ที่มา : เรื่องภาวนารักษาโรคมะเร็ง โดยพันเอกวิโรจน์ ทสยันไชย หนังสือกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 4; ดาวส์โหลดหนังสือกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 4
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)